วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2556

เที่ยวสะหวันนาเขต ประเทสลาว

สะหวันนาเขต ประเทศลาว


การเดินทางไปแขวงสะหวันนะเขตแขวงสะหวันนะเขต 
ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับตัวเมืองมุกดาหาร นักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยวชมได้ 


ถ่ายรูปกับช้าง หน้าคาสิโน เอ๊ะ แต่ผมไม่ได้เข้าไปเล่นนะคับ


อยู่ๆผมมีอะไรดลใจอยากจะไปเที่ยวลาวกะคนอื่นเค้ามั่งแต่ไม่มีเพื่อนที่จะไป


สะพานมิตรภาพแห่งที่2เชื่อมระหว่างจังหวัดมุกดาหารและเมืองสะหวันนะเขตของลาวครับ


โรงแรมสะหวันเวกัส



 อยู่เฉยๆไม่มีอะไรทำเลยมานั่งถ่ายรูปเล่นน่าบ๊อบบี้ของโรงแรม


ตกเย็นไปนั่งทานอาหาร ร้านลาวลาวดี ระเบียงติดริมแม่น้ำโขง


ระเบียงริมแม่น้ำโขง มองเห็นสะพานมิตรภาพไทย-ลาว





ต้องเดินไปเรื่อยๆจนเจอบะหมี่ลาว ก็โอนะ อร่อยดี




อยากเดินเล่นรอบๆความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ประเทศลาว เลยต้องอ่านไปและก้เดินไปตามป้ายบอก






มาเดินตลาดอินโดจีน มุกดาหาร หาซื้อของฝากก่อนกลับ
(ความจริงรูปมีเยอะนะ หลายสถานที่เที่ยว แต่ไม่รู้กล้องอยู่ไหนกันหมด ได้แค่นี้)



วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556

ภูโคลน แม่ฮ่องสอน

ภูโคลน คันทรีคลับ (Mud Spa)


ภูโคลน คันทรีคลับ (Mud Spa) แหล่งท่องเที่ยว Unseen และสุดยอด Natural Spa ที่ใครมาเยือนแม่ฮ่องสอน ต้องแวะพอกโคลนสุขภาพ อาบน้ำแร่ธรรมชาติ และโด่งดังไปทั่วโลกจนเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ...


แหล่งโคลนจากบ่อน้ำพุร้อนกลางทุ่งนา ที่โป่งเดือดแม่สะงา จ.แม่ฮ่องสอน ถูกค้นพบเมื่อปี 2538 โดยนักวิจัยทางด้านธรณีวิทยาชาวฝรั่งเศส และชาวไทย เป็นสายน้ำแร่และโคลนธรรมชาติ ที่ถูกความร้อนดันขึ้นมาจากรอยเลื่อนขนาดใหญ่ใต้พื้นพิภพ (Geothermal Gradients) มีความร้อนในระดับ 60-140 องศาเซลเซียส เป็นโคลนเดือดปุดๆบริสุทธิ์สีดำ เนียนสะอาด ไม่มีกลิ่นของกำมะถัน...


น้ำแร่ธรรมชาติ ช่วยปรับสภาพผิวส่วนชั้นนอกที่เสื่อมสภาพ ขาดความชุ่มชื้นจากมลภาวะ น้ำแร่ประกอบด้วยแร่ธาตุที่สำคัญหลายชนิด มีสภาพความเป็นกรดและด่างที่เป็นกลาง ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และนุ่มนวลขึ้น...


โคลนสุขภาพ ช่วยให้ผิวพรรณสะอาดใส เนียนนุ่ม ดูดซับสารพิษตกค้าง ความมันส่วนเกิน และสิ่งสกปรกที่ติดตามรูขุมขน สาเหตุที่ทำให้เกิดสิวเสี้ยน และริ้วรอยหมองคล้ำ แร่ธาตุในโคลนเป็นอาหารบำรุงผิว ช่วยกระตุ้นให้เซลล์ผิวทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ...


สปากลางหุบเขาที่ภูโคลน 
จัดที่ให้นั่งพักผ่อนแช่เท้าในบ่อน้ำแร่ หรือจะลงไปนอนแช่ทั้งตัวในอ่าง หรือจะแหวกว่ายในสระน้ำแร่ ที่ปรับสภาพความร้อนแล้วก็ได้ครับ...ถ้าสนใจพอกโคลน จะพอกดำเฉพาะใบหน้า หรือจะพอกให้ดำทั้งตัวก็สุดแล้วแต่ระหว่างรอโคลนแห้ง ทำงานดึงดูดสิ่งสกปรกออกจากรูขุมขน จะใช้บริการนวดแผนโบราณแก้ปวดเมื่อยก็ได้อยู่...


ที่ภูโคลน เค้าว่าเป็นโคลนคุณภาพดีที่สุด จากหนึ่งในสามแหล่งของโลก ที่ได้ค้นพบโคลนเพื่อนำมาใช้ในวงการอุตสาหกรรมความงาม และสุขภาพของผิวพรรณ...สามแห่งที่ว่าคือ
- แหล่งโคลนจากทะเลสาบ Dead Sea ในประเทศอิสราเอล และจอร์แดน
- แหล่งโคลนจากลาวาภูเขาไฟ ในประเทศโรมาเนีย
- และแหล่งโคลนจากบ่อน้ำพุร้อนโป่งเดือดแม่สะงา (หรือภูโคลน) จ.แม่ฮ่องสอน ประเทศไทย...น่าภูมิใจจัง



เสน่ห์ที่แตกต่างของภูโคลน ตรงที่มีการประยุกต์นำสมุนไพรไทย เช่น ตะไคร้หอม แตงกวา ขมิ้น มะนาว   เข้ามาเป็นส่วนผสมในโคลนที่ใช้พอก ช่วยเพิ่มคุณประโยชน์ให้ผิวพรรณ และกลิ่นหอมละมุน นอกเหนือจากไอดินกลิ่นโคลนของต่างประเทศนั่นเอง...


การเดินทางรถยนต์ส่วนบุคคล
ใช้ทางหลวงหมายเลข 1095 สายแม่ฮ่องสอน - ปาย จากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนระยะทางประมาณ 10 ก.ม. เลี้ยวซ้ายเข้าทางหมู่บ้าน กุงไม้สัก -บ้านห้วยขานประมาณ 4 ก.ม.จะพบภูโคลนอยู่ทางขวามือ (ใช้เส้นทางเดียวกันกับแหล่งท่องเที่ยว น้ำตกผาเสือ, หมู่บ้านรวมไทย, ปางอุ๋ง) 



ลาด้วยภาพหนุ่มสุดหล่อ อิอิ


บ๊ายบาย

วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2556

trip เดียว @ แม่ฮ่องสอน

เที่ยวปางอุ๋ง แม่ฮ่องสอน

+++ ปางอุ๋ง ...ส ว ย ใ จ ล ะ ล า ย +++



สวัสดีคับ เพื่อนๆ บล็อกเกอร์ วันนี้มีเวลาอัพบล็อคปางอุ๋งแล้ว..
เคยนั่งมองปางอุ๋งผ่านภาพถ่ายมานาน ได้แต่มอง ..
เคยคิดว่า คนถ่ายเค้าเก่งหรือสถานที่แห่งนี้สวยจริงๆ กันน๊าา..
จนกระทั่งมาเห็นด้วยตาตัวเอง
จึงอยากจะบอกว่า .. "ปางอุ๋งสวยจริงๆ..สวยใจละลายเลย "



วันที่ 22 เมษายน 2556 คืนแรกผมนอนที่เมืองแม่ฮ่องสอน 
คืนที่ 2 ไม่รู้จะไปไหนดี ว่าปางอุ๋งเพราะไหนๆ ก็อยู่เมืองแม่ฮ่องสอนแล้ว
ต่อไปอีกนิดก็จะถึงปางอุ๋งแล้ว จากเมืองไปปางอุ๋ง พูดเหมือนไม่ไกล แต่ร้อยกว่าโล ทางโค้งอ่ะ ไกลโพดๆ แต่พอไปถึงปางอุ๋ง ผมชอบมากวิ่งเล่นร่าเริงสุดๆ


มีบ้านพักหลังน้อยๆ เรียงรายอยู่ 2 แถว ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นบ้านรวมไทย ถ้าผิดขออภัยเพราะงง ทั้งรักไทย รวมไทย เยอะไปหมด แถวแรกจะเห็นวิวอ่างเก็บน้ำเลย แต่เห็นฝรั่งเดินมาถามหาห้องว่าง เค้าว่าเต็มหมดแล้ว ก็น่าจะเต็มอยู่หรอกเนอะ ก็วิวดี สะดวกสบายดีด้วย



จากเที่ยวปางอุ๋งเสร็จก็เดินทางต่อเพื่อจะไปทานอาหารเช้าที่บ้านรักไทย
 และเยือนจีนยูนาน 




ก่อนกลับแวะหมู่บ้านรักไทย ชิมชาร้อนๆ เลือกซื้อโปสการ์ดสวยๆ เขียนความประทับใจส่งถึงคนไกล...และตัวเองว่า...
ปางตอง...เพาะพันธุ์สัตว์คืนป่า เพาะกล้าไม้สู่คน
ปางอุ๋ง...ฟื้นคืนป่ารักษ์น้ำ บ้านรวมไทยฟื้นชีวิตชนเผ่า


ฝากภาพสุดท้ายละกันคับ สวัสดีคับ บ๊ายบายๆ โอกาสหน้าเจอกันใหม่ !!!

พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ เชียงใหม่

พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์


"กุหลาบเวียงพิงค์ ดอกนี้บ่มีเจ้าของ เพิ่งแรกแย้มบ่มีไผจอง เป็นเจ้าของครองใจเด็ดดม......" แว่วเสียงเพลงกุหลาบเวียงพิงค์ ดังมาแต่ไกล 




  ณ ขณะนี้เราได้สูดลมหายใจอิ่มเอมกับบรรยากาศอันงดงามของหมู่มวลดอกไม้งามเมืองเหนือ บรรยากาศอันชุ่มเย็นของปลายฝนต้นหนาว คงไม่ต้องบอกว่าบรรยากาศความสดชื่นของที่นี่เป็นอย่างไร เสียงเพลงที่แว่วมาไกลมันช่างเข้ากับบรรยากาศในห้วงเวลานี้เสียนี่กระไร...


ผมอยู่ที่ "พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์" จังหวัดเชียงใหม่ และเนื่องในช่วงเวลาแห่งความสุขอีกไม่กี่วันที่กำลังจะมาถึง พวกเราจะได้เฉลิมพระเกียรติให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสพระชนมพรรษาครบรอบ 84 พรรษา ผมจึงอยากนำเสนอภาพความสุข ความงดงามที่ได้ผ่านพบมาให้กับเพื่อนๆ ชาว blogger ได้ชมกัน...


  เราได้มีโอกาสไปเยือนเชียงใหม่อีกครั้งนึง การผ่อนคลายจึงเป็นเรื่องแรกที่เราคิดถึง ตัดสินใจเดินทางไปเที่ยวชม พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่มากนัก





บรรยากาศขณะเดินทางขึ้นไปที่พระตำหนัก เราใช้ระยะเวลาเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 22 กม. เพื่อไปสู่ยอดสูงดอยบวกห้า ทว่าในการเดินทางหนักหน่วงเอาการเนื่องจากเป็นบริเวณภูเขาคดเคี้ยว หากใครที่เมารถหรือแพ้อากาศรับรองได้ว่าไม่พลาด


บางคนบ่นว่ามึนหัว แต่สำหรับเราแล้วเรารู้สึกเฉยๆ มาก เพราะผ่านมาแล้วหลายภู คงเป็นเรื่องธรรมดา หากใจต้องการไปให้ถึง อะไรก็ไม่ทำให้หวั่นไหวได้เลย




 พระตำหนักแห่งนี้เป็นสถานที่พักผ่อนของพระองค์ท่าน หากแต่พระองค์ท่านมิได้เคยคิดเช่นนั้นเลย วัตถุประสงค์ที่แท้จริงคือต้องการสร้างพระตำหนักแห่งนี้เพื่อเป็นสถานที่พำนักไว้ใช้ในการเยี่ยมเยียนราษฎร น้ำพระทัยและพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์มากมายมหาศาลจริงๆ และนั่นจึงไม่แปลกเมื่อพระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินไปที่ใด ที่แห่งนั้นย่อมเปี่ยมไปด้วยความสุข สมบูรณ์ เสมอ





    ขณะเดินทางบรรยากาศเย็นขึ้นเรื่อยๆ ที่เค้าพูดว่า ยิ่งสูงยิ่งหนาวนั่นแน่แท้จริงๆ 
เรามาถึงพระตำหนักภูพิงค์ เวลาประมาณ 10.00 . ชั้นบรรยากาศที่นี่เหมือนอยู่คนละบรรยากาศกับตัวเมืองเชียงใหม่เมื่อเช้านี้ ซึ่งบรรยากาศเมื่อเช้านี้ดีมากแล้วในสัมผัสของเรา แต่ในขณะปัจจุบันนี้มันช่างดีมากเกินกว่า 
จนไม่รู้ว่าจะมีคำใดพูดได้ มันสดชื่นจริงๆ นะ


 ที่นี่งดงามมากๆ งดงามจริงๆ ...โอ้...เวียงพิงค์...เราไม่แปลกใจกับคำพูดเบื้องต้นเลย มันเป็นคำพูดที่เราได้ยินบ่อย และได้ยินมานานแล้ว และวันนี้นี่เองที่เราได้สัมผัสอย่างตื่นตาตื่นใจ



บรรยากาศที่นี่ร่มรื่นมากๆ มีสวนหย่อมเล็กๆ ตลอดเส้นทาง มีหมู่มวลดอกไม้ใบหญ้า ผีเสื้อน้อยกำลังร่าเริงท่ามกลางดอกไม้อันงดงาม ชูดอกออกสีสัน แบ่งปันให้กับผู้เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ที่นี่คือสวรรค์แห่งเมืองเหนือ




 เราเริ่มต้นเดินจากปากทางเข้าพระตำหนัก เดินไปเรื่อยๆ ระหว่างทางจะมีป้ายบอกตลอด หากเหนื่อยก็นั่งเล่นพักสักครู่ เวลาที่นั่งพักแล้วไม่อยากลุกเดินต่อเลย มันอิ่มกับอากาศจริงๆ เหมือนที่เค้าเรียกว่า ...หมอกเหมย...คล้ายๆ กับฝนหล่นพรำๆ ผสมกับสายหมอก และสายลมเอื่อยๆ โอ้...เวียงพิงค์...



  ระหว่างทางมีผู้เข้ามาเยี่ยมชมประปราย เนื่องจากเป็นวันธรรมดา หากเป็นวันหยุดน่าจะมีผู้เข้าชมมากกว่านี้ การเดินชมในพระตำหนัก ก็จะมีป้ายบอก โดยเดินไปตามป้ายแล้วก็จะไปสุดยังจุดแรกที่เราเดิน ระหว่างทางบรรยากาศดีมากๆ 



 การเดินทางครั้งนี้ ผมจะบอกได้คำเดียวว่า ประทับใจสุดๆ ที่นี่งดงามจริงๆ ... ภูพิงคราชนิเวศน์ ...พระตำหนักของพ่อ... ความสุขเช่นนี้คงมิได้เกิดขึ้นบ่อยๆ การแบ่งปันจึงเป็นเรื่องที่งดงามและควรกระทำเสมอ ... ผมขอแบ่งปันความงดงามของธรรมชาติและบรรยากาศของสถานที่แห่งนี้ให้กับเพื่อนๆ ทุกคนและขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชม ... มีความสุขกับภาพสวยงามของธรรมชาติ และช่วงเวลาดีดีแห่งความสุขคับ ... สวัสดีคับ...!!! บ๊ายบาย